จนท.อาวุโสอาเซียนเห็นชอบให้กองทุน CGIM มีขนาดมากกว่า 500 ล้านเหรียญฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 1, 2009 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance and Central Bank Deputies’ Meeting: AFDM+3) ร่วมกับนายเจ ยูน ชิน รมว.ยุทธศาสตร์ และการคลัง สาธารณรัฐเกาหลี เห็นชอบให้ขนาดกองทุนเพื่อค้ำประกันเครดิตและการลงทุน (CGIM)มากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าจะประกาศความสำเร็จในการจัดตั้งในการประชุมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน +3 ในเดือน พ.ค.53 ที่อุสเบกีสถาน พร้อมกับการผลักดันให้กองทุนมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่พหุภาคี(Chiang Mai Multilateralisation: CMIM)มีผลบังคับใช้ หลังจากที่ได้จัดทำร่างความตกลงฉบับสุดท้ายเสร็จแล้ว

นายสถิตย์ กล่าวว่า ในการประชุมดังกล่าวที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ได้หารือคืบหน้ามาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเซีย(Asia Bond Markets Initiative: ABMI) ที่มีการจัดตั้งกลไกการค้ำประกันเครดิตและการลงทุน (CGIM)เพื่อเป็นกลไกในระดับภูมิภาคที่ทำหน้าที่ค้ำประกันเครดิตในการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภาคเอกชนของประเทศสมาชิก ซึ่งจะจัดตั้งในลักษณะของกองทุนภายใต้ธนาคารพัฒนาเอเชีย มีเงินทุนเบื้องต้น 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบจำนวนเงินที่ประเทศสมาชิกจะลงเงินเพื่อจัดตั้ง CGIM ได้แก่ ญี่ปุ่นและจีน จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และประเทศสมาชิกอาเซียนจะลงเงินร่วมกันประมาณ 10% ของกองทุน ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชียร่วมลงเงินในกองทุนดังกล่าวเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้เห็นชอบให้กองทุนมีขนาดมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้เปลี่ยนชื่อ จาก CGIM เป็น CGIF (Credit Guarantee and Investment Facility)

ส่วนความคืบหน้าของกองทุน CMIM ขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ได้จัดทำร่างความตกลงฯฉบับสุดท้ายแล้วเสร็จ และประเทศสมาชิกอยู่ระหว่างการดำเนินการภายในประเทศเพื่อให้มีการลงนามในความตกลง เพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้เพื่อเร่งผลักดันให้มีผลบังคับใช้ก่อนการประชุม รมว.คลังอาเซียน+3 ในเดือนพ.ค.53

พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งหน่วยงานระวังภัยทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เป็นอิสระ (Independent Surveillance Unit) เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจของภูมิภาคและเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน CMIM โดยได้หารือเกี่ยวกับโครงสร้างและการบริหารจัดการของหน่วยงาน โดยมีความเห็นร่วมกันว่าหน่วยงานดังกล่าวควรมีความอิสระในการดำเนินงาน และมีโครงสร้างและการบริหารจัดการที่ไม่ซับซ้อน

นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ +3 (ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้) ยังได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวในประเทศอาเซียน ซึ่งจะได้มีการหารือในระดับรัฐมนตรีต่อไป

อนึ่ง การประชุม AFDM+3 ครั้งต่อไปมีกำหนดจัดในช่วงต้นเดือน เม.ย.53 ณ เมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม โดยมีเวียดนามและจีนเป็นประธานร่วมในการประชุม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ