ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องปัญหาดูไบ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน และธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.5082 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 1.5007 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.98% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6613 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6452 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.58% เมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ 0.9991 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0049 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 86.730 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.340 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.05% แตะที่ 0.9246 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9150 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 1.43% แตะที่ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7154 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าอัตราว่างงานในเดือนต.ค.ทรงตัวอยู่ที่ 9.8% น้อยกว่าอัตราว่างงานในสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% นอกจากนี้ การที่ปัญหาการเงินในดูไบเริ่มคลี่คลายลงได้ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันไปถือครองสกุลเงินที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า
บริษัท ดูไบ เวิล์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้อิสลามมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดยนาคีล เวิลด์ บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้พัฒนาคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะรูปต้นปาล์ม
ความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินดูไบเริ่มคลี่คลายลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางยูเออีจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด ขณะที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในยูเออี รวมถึงดูไบ มีอยู่เพียง 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารในยุโรปที่ได้รับความเสียหายมากกว่าเกือบ 9 เท่า
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉิน เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.