นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)วันนี้ มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนการค้า และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกันหาข้อสรุปเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจวันนี้ ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ฉบับของกระทรวงพาณิชย์ และร่างกฎหมายฉบับของผู้แทนการค้าไทยแล้ว มีมติให้รับหลักการไว้ แต่ได้มอบหมายให้มีการพิจารณาในประเด็นที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน และประเด็นที่สามารถสอดรับกันได้ โดยให้คณะกรรมการกฤษฎีการ่วมพิจารณาเพื่อจัดทำรายละเอียดร่วมกันเพื่อกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ ครม.ตัดสิน
ประเด็นที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ คือการตั้งคณะกรรมการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งร่างกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ เสนอให้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการส่วนกลาง โดยมี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน และคณะกรรมการระดับภูมิภาค มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ขณะที่ร่างกฎหมายของผู้แทนการค้าไทย เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการเพียงชุดเดียว โดยให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน โดยมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ เนื่องจากมีความเป็นห่วงว่าการตั้งคณะกรรมการระดับตจังหวัด อาจเกิดปัญหาในทางปฎิบัติ และเรื่องความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม ในร่างกฎหมาย 2ฉบับ ยังมีประเด็นที่น่าจะสอดรับกันได้ คือการกำหนดหลักเกณฑ์ของพื้นที่การก่อสร้างโครงการ ซึ่งร่างกฎหมายของก.พาริชย์ กำหนดแยก ตามขนาดโครงการ คือ ขนาดโครงการเกิน 3,000 ตร.ม.ขึ้นไปให้อยู่นอกพื้นที่เขตชุมชน ขนาดโครงการตั้งแต่ 1,000 ตร.ม.แต่ไม่เกิน 3,000 ตร.ม. ให้อยู่ในรัศมี 12 กม.ในเขตชุมชน ขนาดโครงการ 300 ตร.ม. แต่ไม่เกิน 1,000 ตร.ม. ให้อยู่รัศมี 5 กม.ในเขตชุมชน
"วันนี้มีการถกเถียงในประเด็นต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้แนวทางไว้ชัดเจน โดยให้ชอบในหลักการของร่างกฎหมาย แต่ยังเป็นห่วงเรื่องการตั้งคระกรรมการ ซึ่งมี 2ทางเลือก ว่าจะให้ รมว.พาณิชย์ หรือปลัด ก.พาณิชย์เป็นประธาน" นายยรรยง กล่าว
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวอีกว่า ยังได้เสนอถึงการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมค้าปลีกเข้มแข็ง เป็นการช่วยเหลือร้านค้าในชุมชน โดยเงินกองทุนจัดสรรจากรายได้จากการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ แต่กระทรวงการคลังชี้แจงว่า หากมีการดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว อาจจะทำให้มีการเสนอขอจัดตั้งกองทุนโดยจัดสรรเงินรายได้ภาษีของรัฐบาลอีก และจะต้องมีการประเมินว่า หากดำเนินการแล้วจะกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ มีมติให้ ก.พาณิชย์ ผู้แทนการค้าไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกา จัดทำรายละเอียดของร่างกฎหมายให้เป็นร่างเดียวกัน เพื่อผลักดันกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรภายใน 1 เดือน
"คาดว่าจะมีการถกเถียงกันมากในเรื่องนี้ในสภา ดังนั้น ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจวันนี้ จึงเสนอให้ทำรายละเอียด เพื่อเข้าครม.พิจารณาก่อน เพื่อนำเสนอต่อสภา โดยให้ดำเนินการภายใน 1 เดือน" นายพุทธิพงษ์ กล่าว