ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้แก้ไขคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการลงทุน 76 โครงการในมาบตาพุดไว้ก่อน โดยให้ 11โครงการที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และคุณภาพชีวิตของประชาชนสามารถเดินหน้าได้ ได้แก่ โครงการประเภท การคมนาคม, พลังงานสะอาด และโครงการที่ปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือลดมลภาวะ เป็นต้น
โครงการที่สามารถเดินหน้าได้ 11 โครงการในบัญชีรายชื่อ 76 โครงการ ได้แก่
โครงการอุตสาหกรรม หมายเลข 16 โครงการเชื้อเพลิงสะอาดและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ของ บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง
หมายเลข 22 คือ โครงการปรับปรุงระบบหมุนวนก๊าซกลับคืนโรงงานผลิตเม็ดพลาสติคโพลีโพรพิลีน ของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด
หมายเลข 37 คือ โครงการผลิตเชื้อเพลิงสะอาดติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล ของ บมจ.สตาร์ปิโตเลียม รีไฟน์นิ่ง
หมายเลข 41 คือ โครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล ของ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR)
หมายเลข 45 คือ การการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบำบัดมลพิษทางอากาศ โรงงานผลิต Purified Terephthalic Acid(PTA) ของบริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด
หมาบเลข 50 คือ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติธรรมชาติหน่วยที่ 6 (การเพิ่มประสิทธิภาพระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งเพื่อหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่) ของบมจ.ปตท.(PTT)
หมายเลข 54 คือ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโรงงานผลิตคลอ-อัลคาลี และ อีพิคลอโรไฮดรินภายใต้โครงการติดตั้ง Chlorine Vaporizer,Wet Scrubber ของ HCL Section และการปรับเปลี่ยนขนาดถังบรรจุคลอรีนเหลวของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์(ประเทศไทย) จำกัด
ส่วนโครงการด้านคมนาคม หมายเลข 2 คือ โครงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและขนาดถังเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ ของ บริษัท มาบตาพุด แทงก์ เทอร์มินัล, หมายเลข 3 คือ โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (การเก็บเพิ่มถังและอุปกรณ์ขนถ่าย LPG/Brutene) ของ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH) ,
หมายเลข 4 คือ รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการขยายท่าเทียบเรือขนถ่ายสารปิโตรเคมีและคลังเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม (ถังโพรเพน/บิวเทน) ของ บริษัท มาบตาพุด แทงก์ เทอร์มินัล และ หมายเลข 6 คือ โครงการติดตั้ง Loading Arm เพิ่มเติมที่ท่าเรือ ของ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง
ส่วนโครงการที่เหลือ โดยเฉพาะโครงการประเภทปิโตรเคมี, ท่อส่งฯ, เหล็ก, โรงไฟฟ้า และกำจัดของเสีย ให้ระงับไว้ก่อนตามคำสั่งเดิม เพราะเชื่อว่าจะเป็นโครงการที่ส่งผลกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตโครงการที่เหลือมีการดำเนินการภายใต้ มาตรา 67 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญปี 50 แล้ว ก็สามารถยื่นขอออกจากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ในภายหลัง