นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน น้อมรับคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 11 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ศาลอนุญาตให้ดำเนินการต่อนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบด้านมลพิษ แต่โครงการอื่นๆ ที่เหลืออีก 65 โครงการ ก็ไม่ได้เป็นการปิดกั้นการลงทุน หากดำเนินตามขั้นตอนครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 กำหนดไว้ ก็สามารถจะยื่นขอออกจากมาตรการคุ้มครองชั่วคราวได้ในภายหลัง
"ยอมรับ เป็นไปตามคาดว่าศาลจะคุ้มครองในเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่เฉพาะแต่โครงการในมาบตาพุดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปยังพื้นที่ทั่วประเทศด้วย"นายศรีสุวรรณ ระบุ
ส่วนการตรวจสอบโครงการลงทุนอีก 181 โครงการทั่วประเทศนั้น ทางสมาคมฯ ได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของโครงการไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ซึ่งจะรอเวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อสรุปผล หากโครงการใดเพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย สมาคมฯ จะดำเนินการตามแนวทางของศาลปกครองที่ได้ให้ไว้ในวันนี้ต่อไป
"หลังปีใหม่จะพิจารณา หากโครงการใดยังเพิกเฉยก็จะดำเนินการตามแนวทางที่ศาลปกครองให้ได้" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ ยังออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 1 และชุดที่ 5 ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากได้วินิจฉัยว่าโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้ง 76 โครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายลูกออกมา ซึ่งการวินิจฉัยของกฤษฎีกาดังกล่าว ถือว่าขัดต่อคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ เพราะแม้ยังไม่มีกฎหมายกำหนดในรายละเอียดเรื่องนั้นๆ ก็ตาม แต่ตามเจตนารมย์ของกฎหมายจะต้องคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในเรื่องของสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ระบุว่า ยอมรับได้และพอใจกับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ และคำตัดสินดังกล่าวก็เป็นไปตามที่ทางเครือข่ายฯ ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้ดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้ประชาชนและชุมชนในมาบตาพุดต้องได้รับความเดือดร้อน อีกทั้ง 11 โครงการลงทุนที่ศาลเห็นควรให้ดำเนินการต่อไปได้นั้น มีการประเมินแล้วว่าเป็นโครงการที่ช่วยลดมลพิษให้แก่ชุมชนได้
นายสุทธิ กล่าวว่า การตัดสินของศาลปกครองสูงสุดถือว่าเป็นการตัดสินที่ดีที่สุดแล้ว และต้องการให้เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติแก่ภาครัฐต่อไปในอนาคตสำหรับการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนในชุมชนด้วย