ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ฟื้นตัว หลัง FED ระบุเศรษฐกิจหลายภูมิภาคฟื้นตัว

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 3, 2009 07:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอก็ตาม

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5043 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.5087 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.640 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0017 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9988 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6634 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6622 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.05% แตะที่ 0.9249 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9254 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.73% แตะที่ 0.7215 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7268 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคดีดตัวขึ้นด้วยแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังอ่อนแออยู่ก็ตาม ค่าเงินเยนร่วงลงหลังจากทางการญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการแข็งค่าของเงินเยน โดยล่าสุดธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศจัดหาเงินทุนมูลค่า 1 ล้านล้านเยนให้กับสถาบันการเงินภายในประเทศ รวมถึงธนาคารพาณิชย์และบริษัทโบรกเกอร์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการผ่อนปรนด้านการเงินฉบับใหม่ของบีโอเจและมีเป้าหมายที่จะยับยั้งภาวะเงินฝืดตามที่บีโอเจได้ออกแถลงการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้

สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ราคาพลังงานที่แพงขึ้นส่งผลให้ราคาผู้ผลิตในยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 16 ประเทศ ดีดตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก.ย. แต่ร่วงลง 6.7% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ปี 2551

ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 169,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 155,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ