นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ศาลปกครองสูงสุดยังมีคำสั่งให้ระงับการลงทุน 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตามพุดนั้น ยอมรับว่าอาจจะกระทบต่อกระแสเงินสดของภาคธุรกิจที่มีโครงการลงทุนในมาบตาพุดได้ และอาจส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการเหล่านั้น ดังนั้น ธนาคารเจ้าหนี้คงต้องประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น และดำเนินการเจรจาขยายเวลาชำระคืนหนี้ของลูกหนี้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากโครงการลงทุนดังกล่าวได้ดำเนินการปรับปรุงโครงการให้ผ่านมาตรฐานผลกระทบทางด้านสุขภาพ (HIA) และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก
สำหรับปัญหาการระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ขณะนี้คณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน อยู่ระหว่างหาแนวทางดำเนินการแก้ปัญหา เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับไว้
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการชะลอการดำเนินโครงการที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 0.2%นั้น เห็นว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ดีที่ไทยจะเป็นผู้นำในด้านนี้