กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แนะนำให้รัฐบาลฮ่องกงใช้มาตรการควบคุมการปล่อยเงินกู้อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวงจร "credit-asset price cycle" หรือวงจรที่ราคาสินทรัพยถูกขับเคลื่อนด้วยสินเชื่อ โดยไอเอ็มเอฟกล่าวว่า เม็ดเงินทุนไหลเข้าจำนวนมากและสภาพคล่องที่มีอยู่มากเกินไปในระบบการเงินจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวด้านสินเชื่อเติบโตเร็วเกินไป จนทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดและทำให้เศรษฐกิจมหภาคผันผวนอย่างหนัก
"เม็ดเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ฮ่องกง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและสภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 30% และหนุนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นพุ่งขึ้น 56% ในปีนี้ ด้วยเหตุนี้ฮ่องกงจึงต้องใช้มาตรการ 'circuit breaker' เพื่อลดความร้อนแรงของราคาสินทรัพย์" ไอเอ็มเอฟกล่าว
"ถึงกระนั้นก็ตาม ราคาหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงยังอยู่ในระดับที่สามารถปรับให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ แต่เนื่องจากขณะนี้สภาพคล่องในระบบและอัตราการปล่อยเงินกู้ของฮ่องกงอยู่ในระดับที่สูงมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ฮ่องกงจะต้องเร่งดำเนินการควบคุม" ไอเอ็มเอฟกล่าว
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฮ่องกงอยู่ในภาวะที่เปราะบางมากเนื่องจากดีมานด์ในต่างประเทศที่ยังคงอ่อนแอ ซึ่งรัฐบาลฮ่องกงควรผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ถึง 5% ในปี 2553 และทำให้อัตราว่างงานลดลงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของฮ่องกงขยายตัว 0.4% จากไตรมาส 2 เพราะได้แรงหนุนจากอัตราการอุปโภคบริโภคและการลงทุนที่สูงขึ้น ขณะที่อัตรว่างงานในรอบ 3 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ต.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.2%