นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ระบุว่า รัฐบาลต้องเร่งผลักดันแนวทางการออกกฎหมายลูกตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 เพราะหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดยังไม่อนุญาตให้อีก 65 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดดำเนินการต่อนั้น คาดว่าจะสร้างความเสียหายในแง่การลงทุนประมาณ 90,000-100,000 ล้านบาท หรือประมาณ 40% ของ GDPเพราะบางโครงการได้มีการดำเนินการถึงขั้นใกล้เปิดโครงการรวมถึงจ้างแรงงานไว้แล้ว
ทั้งนี้การผ่านร่างกฎหมายลูกต้องอาศัยฉันทามติของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่ต้องหาข้อยุติประมาณ 30 ประเด็นตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเสนอมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งหลังจากมีมติของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแล้วจึงสามารถเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและนำเข้ารัฐสภา ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งผลักดันให้มีการออกกฎหมายลูกให้ครอบคลุมกับมาตรา 67 โดยเร็ว
นายธนิต กล่าวว่า รัฐบาลต้องเรียกความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะชาวต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในมาบตาพุดให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการดำเนินโครงการลงทุนในมาบตาพุดของชาวต่างชาติได้มีการศึกษาและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แต่การที่ศาลปกครองมีคำสั่งระงับโครงการถือเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งมีผลกระทบต่อความไม่ชัดเจนในภาพลักษณ์การลงทุนในไทย