แบงค์ ออฟ อเมริกา ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่สุดในสหรัฐ เตรียมจ่ายเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์คืนรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารหลุดพ้นจากกฎการจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารที่เข้มงวดของรัฐบาล ซึ่งกำลังเป็นอุปสรรคต่อการเฟ้นหาผู้บริหารคนใหม่
-- ธนาคารโลกชี้วิกฤตการเงินโลกกำลังส่งผลกระทบเลวร้ายต่อหลายครัวเรือนในยุโรปและเอเชีย อีกทั้งยังสร้างความเสี่ยงต่อการขจัดปัญหาความยากไร้ในทวีปดังกล่าวตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคดีดตัวขึ้นด้วยแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐยังอ่อนแออยู่ก็ตาม นอกจากนั้น รายงานของเฟดระบุว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
-- ธนาคารกลางจีนแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ราคาทองคำที่พุ่งแตะระดับสูงในขณะนี้ ย้ำธนาคารต้องระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ฟองสบู่อย่างมาก
-- สิงคโปร์เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลผลิตภาคการผลิต มีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน
-- องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตรา 2.4% ในปี 2553 เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกพร้อมใจกันใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลใช้มาตรการฟื้นฟูต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน รวมถึงการฟื้นตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค การลงทุนภาคเอกชน และจนกว่าตัวเลขจ้างงานจะดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นเตือนว่ากระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะเปราะบางมาก
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แนะนำให้รัฐบาลฮ่องกงใช้มาตรการควบคุมการปล่อยเงินกู้อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวงจร "credit-asset price cycle" หรือวงจรที่ราคาสินทรัพยถูกขับเคลื่อนด้วยสินเชื่อ โดยไอเอ็มเอฟกล่าวว่า เม็ดเงินทุนไหลเข้าจำนวนมากและสภาพคล่องที่มีอยู่มากเกินไปในระบบการเงินจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวด้านสินเชื่อเติบโตเร็วเกินไป จนทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดและทำให้เศรษฐกิจมหภาคผันผวนอย่างหนัก
-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 6.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
-- บริษัท เปอโยต์ ซีตรอง อยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เรื่องการพัฒนาความร่วมมือด้านเงินทุนและการพัฒนารถอีโคคาร์ รวมถึงการพัฒนายานยนต์สำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ เปอโยต์ อาจจะลงทุนถึง 2-3 แสนล้านเยนในกิจการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดในบริษัท
-- อเมริกัน แอร์ไลน์ส อิงค์ และอีกหลายบริษัท เตรียมทุ่มเงินลงทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ใน เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป (JAL) ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง เดลต้า แอร์ไลน์ส อิงค์ ก็ยื่นข้อเสนอให้กับ JAL เช่นกัน
-- นายเจิ้น เต๋อหมิง รมว.พาณิชย์จีนกล่าวว่า ทั่วโลกควรให้ความสนใจเรื่องเสถียรภาพของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่าเงินหยวนของจีน เพราะผลกระทบของสกุลเงินทั้งสองที่มีต่อเศรษฐกิจโลกนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ โดยนายเต๋อหมิงยืนยันว่าค่าเงินหยวนในปัจจุบันยังคงมีเสถียรภาพ เพราะหากไม่เป็นเช่นนี้ก็คงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกแล้ว
-- รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่ไปกับกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ได้ภายในปี 2574 หลังจากที่ได้ใช้มาตรการลดการใช้พลังงานและก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจังในช่วงที่ผ่านมา