นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) ได้หารือถึงแผนงานพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จ.ระยอง โดยได้สั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ไปหารือกับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ใกล้เคียงให้ขึ้นป้ายแสดงการถูกเตือนจากกรมควบคุมมลพิษว่าในแต่ละเดือนถูกเตือนเรื่องมลพิษไปแล้วกี่ครั้ง
ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนรับทราบเพื่อแสดงความตั้งใจจริง ซึ่งผู้ประกอบการควรใช้ระบบตรวจสอบตัวเองดีกว่าให้ระบบกฎหมายเข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าสารเคมีหรือมลพิษที่เกิดขึ้นมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานมักจะเกิดในช่วงที่โรงงานมีการซ่อมบำรุงเครื่องจักร แม้ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม โดยที่ประชุมเห็นว่าจากนี้ไปทุกโรงงานจะต้องแจ้งให้กรมควบคุมมลพิษทราบทุกครั้งหลังจากที่ไม่เคยแจ้งมาก่อน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกนอ.กลับไปจัดทำรายละเอียดโครงการจัดตั้งสถานีวัดคุณภาพอากาศมาใหม่อีกครั้ง เพราะยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจนอีกทั้งใช้งบประมาณสูงถึง 250 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เพียง 16 ล้านบาทเท่านั้น รวมทั้งให้สอบถามประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการให้นำไปติดตั้งที่จุดใด
"มาตรการทั้งหมด ถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะให้ผู้ประกอบการหันมาให้ความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหามลพิษ หากทำได้จะเป็นผลดีและแนวทางการดำเนินอุตสากรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็เกิดขึ้นได้" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่ออกมาถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะไม่ล่าช้า ขณะที่รัฐบาลก็มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการดำเนินงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่เชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ความกังวลของเอกชนผ่อนคลายลง