สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาดเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งหลายฝ่ายหวังว่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยรวมยังคงสูงกว่าระดับที่นักเศรษฐศาสตร์คิดว่าสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 10.2% และคาดว่าจะไต่ระดับขึ้นอีกจนเข้าปีหน้า
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย เหลือ 457,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 6 กันยายน 2551 สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเฉลี่ย 4 สัปดาห์ก็ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันเหลือ 481,250 ราย หรือต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ 180,000 ราย
แม้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลง แต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็เปิดเผยว่า นายจ้างจำนวนมากต่างยังลังเลที่จะรับพนักงานใหม่ แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในระดับปกติแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง (เกิน 1 สัปดาห์) กลับเพิ่มขึ้น 28,000 ราย แตะ 5.5 ล้านราย สวนทางกลับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง
เมื่อพิจารณาตามพื้นที่ แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดเกือบ 15,000 ราย เนื่องจากมีการปลดพนักงานจำนวนมากในภาคบริการ ตามมาด้วยรัฐอิลลินอยส์, นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย และ เทกซัส
ส่วนรัฐที่มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากที่สุดคือมิชิแกน โดยลดลง 1,242 ราย หลังจากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ปลดพนักงานน้อยลง ตามมาด้วยอินดีแอนา ฮาวาย ออริกอน และ เวอร์จินไอแลนด์