ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวในพิธีเปิดการประชุมของทำเนียบขาวเรื่องการสร้างงานว่า ภาคเอกชนจะต้องทำหน้าที่เป็นแกนนำในการสร้างงาน หลังจากที่อัตราว่างงานของสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ชาวสหรัฐหลายล้านคนไม่มีงานทำ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวขึ้น
เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อัตราว่างงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ขณะที่ผู้บริหารของธนาคารกลางสหรัฐก็คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานสหรัฐจะอยู่ในช่วง 9.3 - 9.7% ในไตรมาส 4 ปีหน้า ซึ่งสถิติดังกล่าวอาจจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสปีหน้า
โอบามามีกำหนดการณ์กล่าวปาฐกถาที่เพนซิลวาเนียเรื่องเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำเดือนพ.ย. และในวันที่ 8 ธ.ค. โอบามาก็จะขึ้นกล่าวปราศรัยเรื่องเศรษฐกิจที่วอชิงตัน
ในการประชุมร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ ผู้นำสหภาพ และผู้บริหารของบริษัทต่างๆ อาทิ เอริค ชมิดท์ ซีอีโอของกูเกิ้ลนั้น ได้มีการแบ่งคณะทำงานออกเป็น 6 กลุ่ม โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเป็นผู้นำกลุ่ม เช่น นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ และสตีเวน ชู รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน
ประเด็นที่ได้มีการหารือในกลุ่มย่อย ได้แก่ การสร้างงานผ่านทางการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือก การสร้างระบบสาธารณูปโภค และกระตุ้นการส่งออก
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของโอบามา ซึ่งมีนายพอล วอล์คเกอร์ อดีตประธานเฟดเป็นประธานนั้น อาจจะลงนามเรื่องการใช้มาตรกระตุ้นแรงจูงใจสำหรับประชาชนที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้กองทุนด้านสาธารณูปโภครัฐบาล เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน