แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่สุดในสหรัฐประกาศระดมทุน 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการขายหุ้นในราคาหุ้นละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเตรียมนำเงินทุนดังกล่าวมาชำระหนี้คืนรัฐบาล 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาได้ขายหุ้นสามัญที่เทียบเท่ากับหลักทรัพย์ในวงเงิน 1.286 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หุ้นดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นและเจ้าหน้าที่กำกับดูแลก่อนที่จะประกาศขาย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การระดมทุนเพื่อชำระหนี้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของหลีกเลี่ยงข้อกำหนดเรื่องการห้ามจ่ายเงินโบนัสพนักงาน หลังจากที่ธนาคารได้รับเงินทุนจากโครงการฟื้นฟูสินทรัพย์ที่มีปัญหา (TARP) นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังช่วยให้ทางธนาคารสามารถหาผู้บริหารคนใหม่ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ซีอีโอ เคนเนธ ดี. ลูวิส ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.
โดยสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัยต่างระดมทุน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นฐานเงินทุน หลังเกิดวิกฤตการเงินครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำจนทำให้ทั่วโลกมียอดขาดทุนและตัวเลขปรับลดมูลค่าทางบัญชีรวมกันสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ระดมทุนจำนวน 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยการออกหุ้นสามัญ 1.25 พันล้านหุ้น เพื่อรับมือกับการทดสอบสถานะทางการเงิน (stress test) และช่วยบรรเทาตัวเลขขาดทุน อันเนื่องมาจากการซื้อกิจการเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค
ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนชำระหนี้บางส่วนคืนให้แก่รัฐบาลจำนวน 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์ในรูปแบบของเงินสดและการขายหุ้นที่ประกาศไปในวันนี้ นอกจากนั้น ทางธนาคารยังวางแผนเพิ่มหลักทรัพย์ให้ได้ 4 พันล้านดอลลาร์ผ่านการขายสินทรัพย์ และจะออกหุ้นจำกัดสิทธิ์มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ให้กับพนักงานบางส่วนแทนการจ่ายเงินโบนัส