เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ ก่อนที่ทางคณะกรรมาธิการฯจะตัดสินใจว่าควรสนับสนุนเบอร์นันเก้ให้ดำรงตำแหน่งประธานเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ โดยเบอร์นันเก้กล่าวปกป้องนโยบายการเงินของเฟดว่า เฟดมีเครื่องมือและนโยบายที่จำเป็นในการรับมือกับความท้าทายต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ
ในการแถลงครั้งนี้ เบอร์นันเก้ให้คำมั่นสัญญาว่าหากเขาได้รับการรับรองจากคณะกรรมาธิการฯให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกสมัย เขาจะร่วมมือกับสภาคองเกรสในการยกเครื่องโครงสร้างกฎหมายด้านการเงิน เพื่อให้การกำกับดูแลภาคการเงินและการธนาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
"ที่ผ่านมาเฟดดำเนินการทุกทางที่เป็นไปได้เพื่อปกป้องวิกฤตการณ์การเงิน ผมจะผิดหวังมากถ้าทุกสิ่งที่ทุกฝ่ายในสหรัฐเมริการ่วมแผ้วถางกันมาตลอด 2 ปีที่แล้วล้มเหลว แต่ที่ผมรู้ไม่เป็นเช่นนั้น เราสามารถบริหารจัดการภาคการธนาคารให้รอดพ้นจากภาวะล่มสลายได้ ผลที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ดีสมบูรณ์แบบ แต่เฟดก็ไม่ถือว่าเราทำงานล้มเหลว" เบอร์นันเก้กล่าวกับคณะกรรมาธิการฯวุฒิสภา
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังยืนกรานว่า เฟดควรคงไว้ซึ่งการเป็นองค์กรอิสระที่ปลอดภจากอิทธิพลและแรงกดดันทางการเมือง โดยเบอร์นันเก้ย้ำว่า เขาไม่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐและสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐเข้ามาแทรกแซงเรื่องการตัดสินใจที่สำคัญๆ รวมถึงการตัดสินในเรื่องดอกเบี้ย เพราะการทำงานด้านนโยบายการเงินของเฟดยึดหลักองค์รวมด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่การเมือง
"ในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยนั้น เราพร้อมทุกเมื่อหากถึงเวลาอันควรหรือเมื่อพบว่าภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังคงเปราะบางเช่นนี้ เฟดจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรน รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อยับยั้งวิกฤตการณ์การเงินต่อไป ซึ่งเรามั่นใจว่าเครื่องมือเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น" เบอร์นันเก้กล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐกำลังอยู่ในขั้นตอนการลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินใจว่าควรเปิดทางให้เบอร์นันเก้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ ซึ่งเบอร์นันเก้จะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 31 ม.ค.2553 อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า วุฒิสมาชิก 8 คนจากพรรคเดโมแครต และ 4 คนจากพรรครีพับลิกันจากคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนเบอร์นันเก้ รวมถึงนายคริสโตเฟอร์ ดอดด์ ประธานคณะกรรมาธิการฯที่กล่าวชื่นชมว่า เบอร์นันเก้ทุ่มเทการทำงานและมีผลงานที่โดดเด่น
ในช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เสนอชื่อเบอร์นันเก้ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 เพราะเห็นว่าเบอร์นันเก้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในระบบการเงินด้วยความสุขุมรอบคอบและมีสติปัญญา แต่หลังจากโอบามาเสนอชื่อเบอร์นันเก้ได้ไม่นานก็มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟด โดยระบุว่าเฟดขาดการบริหารจัดการที่รัดกุม รวมถึงการนำเงินภาษีราษฎรไปอุ้มกิจการสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา
อย่างไรก็ตาม การเสนอชื่อเบอร์นันเก้ได้รับการตอบรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เป็นอย่างดี รวมถึงพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 ที่กล่าวว่า เบอร์นันเก้สมควรได้รับการไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นประธานอีกสมัย เนื่องจากเบอร์นันเก้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับวิกฤตการณ์การเงิน รวมถึงการตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นวงเงินสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทันเวลาและได้ผล