อินโดนีเซียสามารถควบคุมการขายพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ของเอกชนที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้แล้ว หลังจากที่ได้มีการออกพันธบัตรใหม่ถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา ขณะที่อินโดนีเซียได้แก้ปัญหาจุดอ่อนในเรื่องภาษีไปแล้ว และมีการจัดเก็บภาษีในการโอนเงินไปยังต่างประเทศ
กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.นั้น จะทำให้ภาษีการโอนเงินไปยังต่างประเทศของบริษัทเอกชนของอินโดนีเซียต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินได้ ส่งผลให้การขายพันธบัตรในต่างประเทศมีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศ และยังมีผลในเรื่องการปิดตลาดพันธบัตรต่างประเทศที่คิดเป็นสัดส่วน 85% ของการขายตราสารหนี้เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนส.ค.
อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ใกล้ระดับ 0% ทำให้ยอดขายพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ของบริษัทเอกชนที่ไม่ใช่สัญชาติสหรัฐมีรายได้ถึง 6.31 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ จากระดับปี 2549 ที่ 3.84 แสนล้านดอลลาร์
ในการประชุมเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเป็นเดือนที่ 4 ที่ 6.5% เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ การชำระภาษีเพิ่มเติมอาจจะนำมาใช้กับพันธบัตรที่มีอยู่และหลักทรัพย์ใหม่ๆ ทางการได้ขอให้ผู้กู้จ่ายเงินภาษีการโอนเงินไปต่างประเทศในนามของผู้ถือพันธบัตรมากกว่าในนามของนักลงทุนเอง