กระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 42.7% แตะระดับ 1.4 ล้านล้านเยนจากระดับในปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาภาวะตกต่ำของภาคธุรกิจส่งออก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะเตรียมประกาศใช้แผนกระตุ้นการใช้จ่ายในวงเงิน 4 ล้านล้านเยนในงบประมาณพิเศษประจำปีงบการเงินปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาสินค้าตกต่ำ หรือภาวะเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเฉียดระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า อุปสงค์จากต่างประเทศในช่วงนี้น่าจะยังขยายตัวอยู่ ซึ่งการที่อุปสงค์จากต่างประเทศฟื้นตัวจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนต.ค.ร่วงลง 24.6% ซึ่งเป็นระดับการทรุดตัวที่น้อยที่สุดในรอบปี จากอานิสงส์ของความต้องการของกลุ่มประเทศในเอเชียที่ช่วยให้หลายบริษัทสามารถพลิกทำกำไรได้ในไตรมาสสุดท้าย ขณะที่หุ้นของบริษัทเหล่านี้ดีดตัวขึ้นกว่า 2 เท่าในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินเยนอาจกลายเป็นปัจจัยที่สกัดตัวเลขกำไรของผู้ส่งออก และส่งผลต่อบรรยากาศภาคธุรกิจในระยะนี้ ซึ่งในเช้าวันนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 87.37 ดอลลาร์/เยน
ทั้งนี้ กาประกาศใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นยังขาดปัจจัยหนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ที่ขยายตัวได้ช้าที่สุดในรอบ 8 เดือน รวมถึงการที่ภาคเอกชนปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 25.7% ในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ค่าจ้างแรงงานลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ซึ่งทำสถิติร่วงยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปี