เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวปาฐกถาที่สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งวอชิงตันว่า ในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างยั่งยืนแล้ว และย้ำว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
เบอร์นันเก้คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังเผชิญปัญหาใหญ่ๆที่ท้าทายรออยู่ข้างหน้า แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้วก็ตาม โดยเขามองว่าป้จจัยที่จะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจมาจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพียงปานกลางเท่านั้น
เมื่อนักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมถามว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะถดถอยมากเป็นสองเท่าของปีที่แล้วหรือไม่ เบอร์น้นเก้ตอบว่า เขาไม่อาจรับประกันได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น แต่เขาสามารถประมาณการได้ว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวในระดับปานกลางเท่านั้นในปีหน้า ซึ่งแม้ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 10% ในเดือนพ.ย. แต่ก็ปรับตัวลดลงช้ากว่าที่ทุกฝ่ายคาดหวังไว้
เฟดออกรายงานคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐต้องใช้เวลาอีกราว 5 -6 ปีจึงกลับสู่ภาวะปกติ โดยเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2553 และ 2554 โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ช่วง 9.3 - 9.7% ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 - 9.8%
เมื่อนักวิชาการบางคนถามถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ย เบอร์นันเก้กล่าวติดตลกว่า "เราคงไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่านี้ได้อีก เพราะปัจจุบันดอกเบี้ย fed fund rate อยู่ที่กรอบ 0 - 0.25% และผมยืนยันว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เฟดต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่ง"
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้กล่าวว่า เขาจะปรับนโยบายการเงินทันทีที่ถึงเวลาอันควร รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน นอกจากนี้ เบอร์นันเก้เชื่อว่าประชาชนที่เสียภาษีจะได้รับเงินคืนหลังจากที่รัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา โดยเขาคาดว่าชาวอเมริกันจะได้รับเงินคืนในรูปของมาตรการให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษีและการสนับสนุนการลงทุนภาคสาธารณะ
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อสภาคองเกรสที่พยายามแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด เพราะการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเฟด และถือเป็นการส่งสัญญาณในด้านลบต่อตลาด
การกล่าวปฐกถาครั้งล่าสุดของเบอร์นันเก้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐกำลังตัดสินใจว่าจะเปิดทางให้เบอร์นันเก้ดำรงตำแหน่งประธานเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ หลังจากเบอร์นันเก้ได้แถลงปกป้องนโยบายการเงินของเฟดว่า เฟดมีเครื่องมือและนโยบายที่จำเป็นในการรับมือกับความท้าทายต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าหากเขาได้รับการรับรองจากคณะกรรมาธิการฯให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีกสมัย เขาจะร่วมมือกับสภาคองเกรสในการยกเครื่องโครงสร้างกฎหมายด้านการเงิน เพื่อให้การกำกับดูแลภาคการเงินและการธนาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ