สหรัฐเผยอัตราการปล่อยสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคหดตัวน้อยเกินคาดในเดือนตุลาคม ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤตการเงินเริ่มบรรเทาเบาบางลง และภาคครัวเรือนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
-- กระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 42.7% แตะระดับ 1.4 ล้านล้านเยนจากระดับในปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาภาวะตกต่ำของภาคธุรกิจส่งออก
-- คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่มูลค่า 7.2 ล้านล้านเยน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
-- สหรัฐและอังกฤษออกโรงประณามรัฐบาลอิหร่านที่ใช้กำลังสลายการชุมนุมของผู้สนับสนุนฝ่ายค้านที่กรุงเตหะรานเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
-- เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวปาฐกถาที่สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งวอชิงตันว่า ในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างยั่งยืนแล้ว และย้ำว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
-- ยอดปล่อยเงินกู้ของธนาคารในญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.1% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งทำสถิติขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการลงทุนหรือดำเนินธุรกิจนั้นเริ่มปรับตัวลดลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจซบเซา
-- รัสเซียและอินเดียเห็นชอบให้ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างกันมากขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามร่วมกันเมื่อวานนี้ที่กรุงมอสโคว์ ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้บริษัท โรซาทัม ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซียสามารถเจรจาต่อรองเรื่องราคา เพื่อซื้อเตาปฏิกรณ์เพิ่มเติมที่จะมีนำมาใช้งานที่โรงงานนิวเคลียร์ที่เมืองคูดันคุลาม ในรัฐทมิฬนาดู ประเทศอินเดีย
-- นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป กำลังกดดันกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐให้ยอมตกลงเรื่องแผนการชำระเงินคืนให้กับรัฐบาล เพื่อให้ซิตี้กรุ๊ปเป็นอิสระจากเงื่อนไขของโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) โดยนายบัณฑิตต้องการให้รัฐบาลสหรัฐและซิตี้กรุ๊ปสามารถตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า ซึ่งความพยายามของนายบัณฑิตมีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้แบงก์ ออฟ อเมริกา จ่ายเงินคืนโครงการ TARP มูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
-- เจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาขานรับกับการประกาศของสหรัฐที่ว่า ก๊าซเรือนกระจกเป็นภัยต่อสุขภาพของประชาชน ขณะที่โฆษกของอียูมองว่า ประกาศดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงระดับของการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ
-- สมาคมกาแฟและโกโก้ของเวียดนามคาดว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟในปี 2552-2553 ของเวียดนามจะลดลงไปถึง 20% หลังจากที่เวียดนามต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นที่สร้างความเสียหายให้กับผลผลิต
-- กูเกิล ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบเรียลไทม์แล้ววันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง ทวิตเตอร์ ได้รวดเร็วกว่าเดิม
-- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศในวันนี้ว่า อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient AAA) ซึ่งนับว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant AAA) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
-- เกาหลีใต้จะส่งทหารไปอัฟกานิสาน 350 รายในปีหน้า เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับวิศวกรชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานอยู่ตามโครงการก่อสร้างและฟื้นฟูต่างๆ โดยไม่ได้ปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวกับการสู้รบ หลังจากที่กองทัพของเกาหลีใต้ได้สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2550
-- สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ผลผลิตและยอดขายรถยนต์ประจำเดือนพ.ย.ของจีนพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าจากปีที่แล้ว โดยจีนทำยอดขายรถยนต์ได้ถึง 1.01 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 104% จากเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ในขณะที่ผลผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.08 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 101% ซึ่งสูงกว่ายอดขายและผลผลิตในสหรัฐ