รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศทบทวนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตรา 1.3%ต่อปี ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 4.8% เนื่องจากภาคเอกชนลดการใช้จ่ายเพราะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายงานดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลทั้งในตลาดเงินและตลาดหุ้นโตเกียว อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนลดการลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมและลดการซื้อเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อประคับประกองกิจการให้สามารถทำกำไรได้ ทั้งนี้ การประกาศทบทวนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 มีขึ้นหลังจากคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่มูลค่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7.2 ล้านล้านเยนเมื่อวานนี้ และหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านเยนเพื่อยับยั้งภาวะเงินฝืด
อัตราการลงทุนของกลุ่มผู้ผลิตในญี่ปุ่นช่วงไตรมาส 3 ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 40.7% จากปีที่แล้ว เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในอีกหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกระทบที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินเยน โดยอัตราการลงทุนในภาคการผลิตช่วงไตรมาส 3 หดตัวลงมากกว่าในไตรมาส 2 ที่หดตัวเพียง 32% และเป็นสถิติที่ลดลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส
การลงทุนที่หดตัวลงส่งผลให้รัฐบาลวิตกกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้อาจยังไม่กระเตื้องขึ้น แม้รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้งแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นและการที่เงินเย็นแข็งค่าขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ ยังส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทส่งออก รวมถึงบริษัท โซนี่ และโตโยต้า สำนักข่าวเกียวโดรายงาน