นายฮิโรฟูมิ ฮิราโนะ หัวหน้าเลขาธิการครม.ญี่ปุ่นชี้ว่า รัฐบาลอาจจะต้องออกพันธบัตรชุดใหม่มูลค่ากว่า 44 ล้านล้านเยน (5 แสนล้านดอลลาร์) ในปีงบประมาณ 2553 เพื่อหาเงินให้เพียงพอมาใช้ในนโยบายต่างๆตามที่นายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะ เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงหาเสียง
"รายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ลดลงทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลที่จะทำตามแผนการดำเนินงานที่ให้ไว้ในระหว่างการหาเสียง" ฮิราโนะกล่าว "ผมเชื่อว่า ท่านนายกฯคงจะคิดว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรักษาวินัยทางการคลัง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่า ท่านควรปฏิเสธหรือไม่ หากการออกพันธบัตรใหม่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน"
ทั้งนี้ ในการหาเสียงเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พรรคดีพีเจของนายฮาโตยามะให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองญี่ปุ่น และเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณจากโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ไปเป็นการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น อาทิ การยกเลิกภาษีน้ำมันสำหรับรถยนต์ และการหาเงินช่วยเหลือครอบครัวที่มีบุตร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะรักษาสัญญาดังกล่าวให้ได้นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลในขณะนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอนนัก และธุรกิจต่างๆก็ยังไม่กล้าทุ่มเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก ขณะที่เงินเยนก็แข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ส่งผลให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีร่วงลง และส่งผลสืบเนื่องให้รัฐบาลขาดแคลนเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในปีงบที่กำลังจะมาถึง
โดยเมื่อวานนี้ นายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รัฐมนตรีกระทรวงคลังญี่ปุ่น คาดว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2552 จะอยู่ที่ 36.9 ล้านล้านเยน ซึ่งต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่การออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่อาจจะสูงถึง 53.5 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 44.1 ล้านล้านเยน