สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ว่า ภาคเอกชนของออสเตรเลียเพิ่มการจ้างงาน 99,500 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2549 ส่งผลให้อัตราว่างงานดิ่งลงไปอยู่ที่ระดับ 5.7% ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า นายเกลน สตีเฟ่น ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในช่วงต้นปีหน้า
การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.มีขึ้น หลังจากที่ภาคเอกชนได้เพิ่มการจ้างงานไปแล้ว 24,500 ตำแหน่งในดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าอัตราว่างงานของออสเตรเลียจะร่วงลงอีกเนื่องจากบริษัทเหมืองแร่ รวมถึงบีเอชพี บิลลิตัน วางแผนจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับปริมาณการผลิตสินแร่เหล็กที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากดีมานด์เหล็กในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานที่ขยายตัวขึ้นในออสเตรเลียเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว รวมถึงอัตราว่างงานของสหรัฐที่ลดลงในเดือนพ.ย.
นอกเหนือจากนักวิเคราะห์แล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 4% หลังจากที่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% แตะระดับ 3.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉิน เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 3 ครั้งทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียร่วงลง 3.8% แตะที่ 113.8 จุดในเดือนธ.ค.
ธนาคารกลางออสเตรเลียคาดว่า เศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนส.ค.ถึง 3 เท่า โดยคาดว่าจีดีพีปี 2551 จะขยายตัว 1.75% ก่อนที่จะขยายตัว 3.25% ในปีหน้า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนที่ 0.5% และ 2.25% ตามลำดับ