EPFR Global ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนทั่วโลกเปิดเผยว่า กองทุนรวมหุ้น หรือ อิควิตี้ฟันด์ (Equity Funds) แห่ย้ายฐานการลงทุนของจากตลาดหุ้นสหรัฐ และเข้าลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นจีน อินเดีย รัสเซีย และบราซิล เป็นวงเงินสูงถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์ ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ธ.ค. เนื่องจากอิควิตี้ฟันด์คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของดูไบ
ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นในตะวันออกกลางทรุดตัวลงอย่างหนักหลังจากมีข่าวว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี ข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อนายมาร์ค โมเบียส ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเป็นเจ้าของบริษัท เทมเพิลตัน แอสเสท เมเนจเมนท์ และส่งผลกระทบต่อบริษัท แปซิฟิก อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก เนื่องจากโมเบียสวางแผนซื้อหุ้นในบริษัท เอมาร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของดูไบ ขณะที่พิมโควางแผนซื้อพันธบัตรของอาบู ดาบี และกาตาร์
ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สองในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าดูไบอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของชี๊ค มูฮัมหมัด บิน ราชิ อัล มัคตูม ที่ต้องการผลักดันให้ดูไบเป็นศูนย์กลางการเงินและการท่องเที่ยวของโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ดีดขึ้น 0.5% เมื่อเวลา 11.12 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้
EPFR Global กล่าวว่าในบรรดาตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่นั้น อิควิตี้ฟันด์ได้นำเงินเข้าลงทุนตลาดหุ้นรัสเซียรวมแล้วทั้งสิ้น 181 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ และนำเงินลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียราว 128 ล้านดอลลารร์ ส่วนเม็ดเงินที่ลงทุนในจีนและบราซิลมีอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน