กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยยอดผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นเกินคาด 17,000 ราย แตะที่ 474,000 ราย หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวร่วงลงมานานถึง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดผู้ว่างงานในสัปดาห์ที่มีเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ขณะที่ผู้ตกงานส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม อัตราเฉลี่ยของผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบ 4 สัปดาห์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 473,750 ตำแหน่ง ซึ่งทำสถิติทรุดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 ขณะที่ชาวสหรัฐที่ตกงานราว 4.6 ล้านคนได้รับการขยายสัญญาด้านสวัสดิการเพิ่มมากขึ้นเมื่อรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 130,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า นายจ้างภาคเอกชนได้ปรับลดการจ้างงาน 11,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 2.8% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าในไตรมาสนี้อัตราการขยายตัวจะใกล้เคียงกับระดับดังกล่าว ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และจะยังอยู่เหนือระดับ 9% ในช่วงสิ้นปีหน้า ด้านเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่า เศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวได้ในระดับปานกลาง และจะช่วยคลายแรงกดดันของตัวเลขว่างงานที่อยู่ในระดับ 10% ในขณะนี้ แต่ก็ยอมรับว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจช้ากว่าที่เราอยากให้เป็น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างจับตาข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดอัตราการปลดพนักงานและบ่งชี้ถึงความต้องการจ้างพนักงานใหม่ๆของบริษัทต่างๆ