ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 4 ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ -24 จุด จากไตรมาส 3 ที่ระดับ -33 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ -27 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีทังกันไตรมาส 4 ขยายตัวในอัตราที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย เนื่องจากภาคเอกชนของญี่ปุ่นยังคงกังวลว่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้กำไรของบริษัทหดตัวลงด้วย โดยผลการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นวางแผนที่จะลดการใช้จ่ายลงราว 13.8% ในปีงบประมาณ 2552 ทั้งนี้ก็เพราะเงินเยนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ส่งผลให้กำไรและส่วนแบ่งตลาดของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น รวมถึง โซนี่ คอร์ป หดตัวลงด้วย
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจนอกภาคการผลิตเพิ่มขึ้นแตะระดับ -22 จุด ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ดัชนีที่ติดลบบ่งชี้ว่าจำนวนผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีมุมมองในด้านลบมีอยู่มากกว่าผู้ที่มองในด้านบวก
ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวว่า เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและตลาดหุ้นโตเกียวที่ร่วงลงอาจส่งผลกระทบที่หนักอย่างมีนัยสำคัญต่อบรรยากาศการลงทุนในภาคเอกชน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บีโอเจต้องประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเป็นวงเงินสูงถึง 10 ล้านล้านเยน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.2 ล้านล้านเยนเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เงินเยนอ่อนตัวลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน