นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุสารพิษรั่วไหลที่ท่าเรือแหลมฉบังว่า ภายในสัปดาห์นี้คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมีนายภาวสุทธิ์ จึงอนุวัตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน จะสรุปผลการตรวจสอบว่าการขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าวเกิดความผิดพลาดที่ขั้นตอนใด โดยยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีระดับความรุนแรงอยู่ที่ 1 จากระดับความรุนแรงทั้งหมด 9 ระดับ ซึ่งเบื้องต้นขั้นตอนการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ คือ ตู้สินค้าอันตรายจะต้องขนย้ายไปยังคลังสินค้าอันตรายภายในเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งกทท.รับตู้สินค้ามาและอยู่ระหว่างการขนย้ายไปยังคลังสินค้าอันตราย แต่เกิดเหตุรั่วไหลก่อน 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบต่อไปว่าความผิดพลาดอยู่ที่ขั้นตอนอื่นๆ หรือไม่ เช่น การดำเนิน งานของท่าเรือเอกชน" นายเกื้อกูล กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า การแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้อพยพล่าช้า ซึ่งจะได้ปรับปรุงการแจ้งเตือนประชาชนให้รวดเร็วขึ้น นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มความถี่ในการฝึกซ้อมรับสถานการณ์สารพิษรั่วไหล จากเดิมที่จะซ้อมใหญ่ปีละ 1 ครั้ง และซ้อมย่อยปีละ 4 ครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ด้านเรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ขณะนี้กทท.อยู่ระหว่างการประสานความร่วมกับผู้ประกอบการท่าเรือในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อกำหนดมาตรการขนถ่ายตู้สินค้าอันตราย โดยจะห้ามไม่ให้วางพักตู้สินค้าอันตรายบริเวณท่าเรือ แต่จะให้ขนย้ายตู้สินค้าไปยังคลังสินค้าอันตราย หรือให้เจ้าของสินค้ามารับตู้สินค้าทันที คาดว่าจะเริ่มใช้มาตรการนี้ตั้งแต่ต้นปี 53 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 บาทต่อตู้ แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือ เพราะการขนย้ายตู้สินค้าไปยังคลังสินค้าอันตรายจะได้รับการดูแลสินค้าจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำคลังสินค้า ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสารเคมี และมีอุปกรณ์ในการป้องกันเหตุร้ายต่างๆ อย่างครบถ้วน และระหว่างที่ยังไม่บังคับใช้ระเบียบดังกล่าว กทท.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามการขนถ่ายตู้สินค้าอันตรายอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และจะได้ป้องกันแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆในทันถ่วงที
ปัจจุบันกทท.มีตู้สินค้าอันตรายผ่านท่าเรือแหลมฉบังปีละประมาณ 80,000 ตู้ โดยมีตู้ที่นำเข้ามาวางพักไว้ที่คลังสินค้าอันตรายประมาณ 26,000 ตู้ ส่วนที่เหลือลูกค้าจะมารับตู้ทันที ส่วนสาเหตุของการเกิดสารพิษรั่วไหลที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น คาดว่าจะเกิดจากการบรรจุสินค้าตั้งแต่ต้นทางไม่เรียบร้อย เมื่อสินค้าผ่านการขนย้ายและได้รับอุณหภูมิ ความชื้นที่มีปฎิกริยาต่อสินค้า ก็เกิดการรั่วไหล