ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐและหันไปถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า หลังจากมีรายงานว่าอาบูดาบีให้เงินช่วยเหลือดูไบมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแม้มีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้สินและอันดับเครดิตของกรีซและสเปนก็ตาม
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4650 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4621 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.52% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 88.590 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.050 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0318 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0344 ฟรังค์/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6308 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6249 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ 0.9168 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 0.9121 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.30% แตะที่ 0.7277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7255 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐเพราะต้องการถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากอาบูดาบี ซึ่งเป็นนครรัฐหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศว่าจะอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับดูไบ โดยเงินจำนวน 4.1 พันล้านดอลลาร์จะนำไปชำระหนี้พันธบัตรอิสลามที่ครบกำหนดไถ่ถอน
ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแม้นายกรัฐมนตรีกรีซยอมรับว่า กรีซมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับหนี้สินภาคสาธารณะที่สูงขึ้น ขณะที่สถาบันจัดอับดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ
ที่ประชุมสหภาพยุโรเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซเร่งแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินภายในประเทศ และแสดงความกังวลว่ามาตรการฉุกเฉินของรัฐบาลกรีซจะไม่สามารถยับยั้งกระแสความตื่นตระหนกในตลาดได้ เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 12.7% ของตัวเลขจีดีพี
นายโฮเซ่ บาร์รอสโซ่ ประธานคณะกรรมาธิการอียูกล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซสะท้อนให้เห็นว่ายุโรปจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมาตรการที่ถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ากรีซจะสามารถฟันฝ่าปัญหาดังกล่าวไปได้อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า
นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.