นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)กล่าวถึงภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 53 ว่า ในช่วงแรกของปีตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจจะยังทรงตัวไปสักพักหนึ่ง เนื่องจากค่าก่อสร้างและค่าที่ดินไม่ได้ปรับตัวลดลง แต่ในภาพรวมยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ เนื่องจากเชื่อว่าแบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้มากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังอยู่ในภาวะได้เปรียบและจะครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ไปอีกนานกว่า 5 ปี
"การขายอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคงจะทรงตัวไปพักนึ่ง เพราะค่าก่อสร้างและค่าที่ดินคงไม่ลดลง แตกต่างจากต่างประเทศ อย่างฮ่องกง และสิงคโปร์ที่ราคาบ้านปรับตัวลดลงถึง 30-40% เหตุผลเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ประสบปัญหาจากการปล่อยกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และหนี้เสียยังอยู่ในระดับต่ำ ภาพรวมแบงก์น่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นจากในปีนี้"นายอนันต์ กล่าวในการสัมมนา"ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นแล้วจริงหรือ"
นายอนันต์ คาดว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตไม่เกิน 3-4% ดอกเบี้ยยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ปัจจัยการเมืองไม่ใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังไม่ชัดเจนว่าจะฟื้นตัวอย่างจริงจังหรือไม่ แต่ก็ไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้ เพราะหากดูจากตัวเลขการจ้างงานก็ยังมีอัตราว่างงานจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มกะมากกว่าเพิ่มคน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่ยังกดดันการเติบโตอยู่
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากกรณีมาบตาพุดจะทำให้ภาครัฐมีความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อมกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น แต่ปัจจัยนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อผู้ประกอบการในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวม ประเทศไทยถือว่ายังโชคดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ระบบสถาบันการเงินยังไม่เป็นอะไร และถือว่ามีความแข็งแกร่ง ทำให้กลไกขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่ยังเป็นห่วงเม็ดเงินที่เข้ามาในเอเชียจำนวนมาก ๆ จะทำให้เกิดฟองสบู่อีกรอบ
ในด้านผู้ประกอบการนั้น ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้ผู้ประกอบการที่มีขนาดเล็กและขนาดกลาง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองโดยจะพิจารณาจากศักยภาพของเจ้าของโครงการ โดยเฉพาะบริษัทที่มีความชำนาญเฉพาะกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ บริษัทที่มีขนาดใหญ่จะได้เปรียบในการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการตลาดและการก่อสร้าง นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถครองมาร์เก็ตแชร์รวมกันได้ถึง 70% และจะยังเป็นเช่นนี้ไปอีก 5 ปี
ทั้งนี้ ส่วนของ LH ก็ได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น การนำเสนอข้อมูลและขายโครงการผ่านโทรศัพท์ และมีการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าเครือ LH จะมียอดโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เฉพาะของ LH อยู่ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท บมจ.คิวเฮ้าส์(QH) 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วน บมจ.เอเชียน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(AP)ที่ถือหุ้นอยู่นั้นน่าจะมียอดโอน 1.6 หมื่นล้านบาท