เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวชี้แจงต่อสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐเกี่ยวกับกระแสความวิตกกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อว่า อัตราว่างงานในระดับสูง และกำลังการผลิตที่หดตัวลงในสหรัฐ กำลังเหนี่ยวรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยฉุดภาวะเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ
"จริงอยู่ที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงและกำลังการผลิตที่หดตัวลงกำลังสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง แรงกดดันดังกล่าวจะเป็น "ตัวช่วย" สำคัญที่จะยับยั้งภาวะเงินเฟ้อเอาไว้ ส่วนคำถามเรื่องฟองสบู่ด้านสินทรัพย์นั้น ยังไม่มีหลักฐานเด่นชัดว่าเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นจนถึงขณะนี้" เบอร์นันเก้กล่าว
เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐมีมุมมองที่เป็นลบมากเกินไปเรื่องการหดตัวของเศรษฐกิจและอัตราว่างงานที่สูงขึ้น เพราะเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างสอดคล้องกันในทุกภาคส่วน อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 10% ในไม่ช้านี้
การชี้แจงต่อวุฒิสมาชิกสภาสหรัฐครั้งนี้เป็นการตอบข้อซักถามเรื่องมุมมองเศรษฐกิจก่อนที่คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐจะลงมติเห็นชอบให้เบอร์นันเก้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 17 ธ.ค.นี้ และมีขึ้นก่อนที่เฟดจะเปิดเผยการประชุมกำหนดนโยบายในคืนวันพุธนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งกระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ของสหรัฐลดลง 11,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง
เฟดคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 9.3 - 9.7% ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 - 9.8% ทั้งนี้ เฟดคาดว่าตลาดแรงงานของสหรัฐต้องใช้เวลาอีกราว 5 -6 ปีจึงกลับสู่ภาวะปกติ