ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นตัววัดอัตราเงินเฟ้อ พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี
โดยตัวเลขเดือนพฤศจิกายนถือว่าดีดตัวขึ้นอย่างมากจากระดับ 0.3% ในเดือนตุลาคม และถือเป็นการขยายตัวรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ดัชนีพีพีไอที่ดีดตัวขึ้นเกินคาดได้สร้างแรงกดดันให้กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกำลังจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วันเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยก่อนหน้านี้เฟดสามารถตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่อัตราเงินเฟ้อที่เริ่มสูงขึ้นอาจกดดันให้เฟดต้องเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าดัชนีพีพีไอที่ดีดตัวอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในอนาคต แต่คงไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจในตอนนี้ ซึ่งเฟดตั้งใจไว้แล้วว่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำต่อไป โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าเฟดจะประกาศตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ราว 0 - 0.25%