(เพิ่มเติม) ก.พลังงาน แจง ครม.ศก.ผลพวงชะลอลงทุนมาบตาพุดเสียหายกว่า 2.5 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 16, 2009 15:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ) ได้รับทราบรายงานการประเมินความเสียหายที่เกิดจากการชะลอ 65 โครงการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานรายงานว่ามีโครงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพลังงานจำนวน 32 โครงการ ซึ่งเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท กระทบต่อการจ้างงานทางตรง 1.2 หมื่นคน กระทบต่อการจ้างงานทางอ้อม 3.6 หมื่นคน

สำหรับ 65 โครงการที่ถูกระงับการดำเนินการชั่วคราว แบ่งเป็น โครงการที่ประกอบกิจการแล้ว 10 โครงการ, อยู่ระกว่างการก่อสร้าง 29 โครงการ, อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาต 19 โครงการ และยังไม่ได้ยื่นขออนุญาต 7 โครงการ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมยังไม่มีการนำเสนอข้อมูลรายละเอียดในส่วนของ 10 โครงการที่ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กระทรวงอุตสาหกรรมกลับไปจัดทำข้อมูลในส่วนของ 10 โครงการดังกล่าว ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาเสนอภายในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อจะได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุดให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อไป

"นายกฯ ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งกลับไปจัดทำรายละเอียดของ 10 โครงการที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ทั้งในแง่ของคุณสมบัติ ประเภทกิจการ รูปแบบโครงการ แล้วนำกลับมาเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า เพื่อจะดูว่ามีช่องทางใดที่จะใช้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้...เพราะถ้ากาง 65 โครงการออกมา บางโครงการอาจไม่เข้าข่ายที่จะต้องถูกชะลอ ซึ่งก็น่าจะนำข้อมูลจากโครงการที่มีแนวโน้มว่าน่าจะชี้แจงต่อศาลได้มาดำเนินการในขั้นอุทธรณ์ต่อไป" นายพุทธิพงษ์ ระบุ

กระทรวงพลังงานยังได้รายงานว่าสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานนั้น ส่วนสำคัญคือโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ซึ่งมีกำลังการผลิตมากกว่า 1 ล้านล้านตัน/ปี และหากการดำเนินโครงการดังกล่าวล่าช้าออกไป อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG)ภายในประเทศ ทำให้ต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศสูงถึง 1 แสนตัน/เดือน ขณะที่คลังก๊าซ LPG ที่ จ.ชลบุรี มีขีดความสามารถในการรองรับก๊าซได้เพียง 88,000 ตัน/เดือน

นอกจากนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องรับภาระชดเชยการนำเข้า LPG สูงถึง 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในที่สุด และหากไม่สามารถดำเนินโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ได้ จะส่งผลให้ไม่สามารถรับก๊าซธรรมชาติซึ่งจะกระทบต่อค่า take of pay ประมาณ 5,900 ล้านบาทในปี 53


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ