ทางการจีนเตรียมใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เพราะอุปสงค์สินค้าส่งออกยังคงอ่อนแอ พร้อมประกาศจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงิน การคลัง และภาษีเช่นเดิมในปีหน้า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจน
เหยา เจียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า กลุ่มผู้ส่งออกยังต้องอาศัยเวลาในการพิจารณาถึงการฟื้นตัวของธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า รัฐบาลยังไม่ต้องการที่จะปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรัฐบาลกำหนดนโยบายควบคุมเงินหยวนให้เคลื่อนไหวที่ประมาณ 6.83 ต่อดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งช่วยรักษาระดับการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น หลังจากที่วิกฤตการเงินโลกส่งผลกระทบต่อดีมานด์ในตลาดโลก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดส่งออกสินค้าของจีนในเดือนพ.ย. ขยับลง 1.2% ซึ่งเป็นระดับที่ร่วงลงน้อยที่สุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งการที่จีนมียอดเกินดุลการค้าที่ลดลงในปีหน้าจะช่วยลดข้อพิพาทระหว่างจีนกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่และทำให้นโยบายด้านการเงินของจีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐและยุโรปให้เร่งปล่อยลอยตัวเงินหยวน โดยให้เหตุผลว่า การแข็งค่าของเงินหยวนช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เงินหยวนแข็งค่าขึ้นราว 21% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่ยกเลิกนโยบายผูกติดเงินดอลลาร์ในเดือนก.ค.2548
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะขยายตัวขึ้น 9.3% ในปีหน้า หลังจากที่เมื่อช่วงไตรมาสที่แล้วเศรษฐกิจจีนเติบโต 8.9% เพราะได้รับอานิสงส์จากยอดปล่อยเงินกู้ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค