นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง สั่งการให้กรมบัญชีกลางเร่งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา อุปสรรค เพื่อเป็นการผ่อนคลายการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) โดยผ่อนคลายการจัดหาพัสดุด้วยระบบ e-auction ใน 3 รายการ คือ งานก่อสร้างที่มีความซับซ้อน การซื้อยาและเวชภัณฑ์ และการจัดซื้อจัดจ้าง IT บางประเภท โดยคาดว่ากระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาภายในเดือน ธ.ค.52
งานก่อสร้างที่มีความซับซ้อน และมี BOQ หลากหลายรายการในโครงการเดียวกัน เช่น โรงไฟฟ้า งานก่อสร้างรถไฟฟ้า พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ ศาลากลางจังหวัด โรงพยาบาล อาคารห้องปฏิบัติการ เป็นต้น ส่วนการซื้อยาและเวชภัณฑ์ลักษณะพิเศษ เช่น ยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนดให้รายงาน เช่นยารักษามะเร็ง
และการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าประเภทเทคโนโลยีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ Software สำหรับงานที่มีลักษณะเฉพาะที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูปแบบการทำงานหรือความต้องการของผู้ใช้
ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานที่จัดหาพัสดุ ให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดหาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ปี 35 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบ ข้อบังคับ ของหน่วยงาน โดยไม่ต้องใช้ระบบ e-auction นอกจากนี้ได้พิจารณาลดค่าปรับจากการยึดหลักประกันซอง ในบางกรณี เช่น การไม่สามารถไปยื่นซองได้ตามวัน เวลาที่กำหนด ที่เดิมจะถูกยึดเงินอยู่ที่ 5% ของวงเงินงบประมาณ เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ
รมช.คลัง กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มใช้ระบบ e-auction เมื่อปี 49 ถึงปัจจุบัน ช่วยให้ประหยัดงบประมาณได้เฉลี่ย 7% หรือประหยัดได้ประหยัดงบประมาณได้รวมทั้งสิ้น 6.8 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมีการปรับปรุงระบบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
อนึ่ง กรมบัญชีกลางทำการศึกษาและพัฒนาระบบ e-auction จากกรณีตัวอย่างของต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ และระดมความคิดเห็นของส่วนราชการและภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารโลก ได้ข้อสรุปว่าการจัดหาพัสดุด้วย e-auction ยังมีความเหมาะสม และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการกำหนดระเบียบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รวมถึงยังมีระบบการอุทธรณ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม