อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แนะรัฐบาลลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น 64% แตะระดับสูงสุดในรอบ 70 ปี พร้อมคาดว่า บริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นดังกล่าวจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 65% ในไตรมาส 4
โดยกรีนสแปนกล่าวว่า นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดให้ทะยานสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ซึ่งกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในตลาดมากขึ้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นส่งผลดีต่อตลาดอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 11.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอาจไม่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจอีกต่อไป เพราะตลาดหุ้นที่สูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นผลกำไรและทำให้ประชาชนเข้าถึงเงินกู้ได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น มูลค่าหุ้นสามัญในตลาด หรือหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินรายอื่นๆจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสทั้งจากตัวเลขความมั่งคั่งในภาคครัวเรือนของสหรัฐในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นแตะ 53.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้านี้ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การใช้จ่ายในธุรกิจค้าปลีกเดือนพ.ย.พุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดกล่าววานนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นระหว่างธนาคารไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะ แม้ว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงินจะเริ่มมีส่วนช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม