นายกฯ คาดนำข้อสรุปทางแก้ปัญหามาบตาพุดจากคกก.4 ฝ่ายเข้าครม.สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 17, 2009 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการ 4 ฝ่ายสรุปแนวทางต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในสัปดาห์หน้า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)กังวลว่าหากแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดไม่ได้ ก็จะทำให้พื้นที่อื่น ๆ ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ในส่วนของการสำรวจโครงการข้อเท็จจริงที่พบก็คือมีอยู่ประมาณ 10 โครงการที่ยังไม่ขออนุญาตหรือมีสถานะที่ชัดเจน และอีกประมาณ 20 โครงการ อยู่ระหว่างการขออนุญาต ซึ่งถือว่าโครงการเหล่านี้ก็ต้องรอเข้าโครงการซึ่งอาจต้องใช้เวลานานขึ้นเพียงเล็กน้อย และยังไม่มีตัวเลขที่ตรงกันชัดเจนถึงมูลค่าความเสียหาย ซึ่งก็แปลกใจว่าขณะที่ทางการกำลังเร่งสำรวจกลับกลายเป็นว่าเอกชนก็ไม่ได้แจ้งมาอย่างชัดเจนว่าสถานะต่างๆอยู่ที่ไหนอย่างไร

“ตัวที่เราเป็นห่วงคือตัวที่มีการประกอบการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง ก็กำลังให้ดูว่าเมื่อถูกระงับผลกระทบจะเป็นอย่างไร ในส่วนของข้อเท็จจริงบางอย่างที่อาจนำไปสู่การพิจารณาของศาลที่จะให้ความกระจ่างว่าจะปฏิบัติอย่างไร ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลหวังว่าการสามารถออกหลักเกณฑ์การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้โครงการลงทุนต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหามาบตาพุดควบคู่ไปกับการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมได้ ก็จะเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมในประเทศไทย

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือมันเป็นความล่าช้าเพื่อให้เกิดความรัดกุมในกระบวนการมากขึ้น เรื่องเศรษฐกิจก็ต้องมอง แต่อีกมุมคงปฏิเสธได้ยากว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนจากอุตสาหกรรม การละเลย การหย่อนยานของการบังคับใช้กฎหมาย หรือระบบบที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร

"เราจำเป็นต้องกลับมาทบทวนเหมือนกัน และสภาพัฒน์ฯเองคงเห็นชัดเจนแล้วว่าถ้าพื้นที่ตรงนี้แก้ไม่ได้ชัดเจนพื้นที่อื่นที่จะย้ายไปก็คงยาก โดยเฉพาะภาคใต้ที่เคยมีแผนก็คงขยับได้ยากถ้าเราไม่สามารถทำให้เกิดความมั่นใจและความไว้ใจระหว่างประชาชนกับอุตสาหกรรมมาบตาพุด เราต้องพยายามผลิกปัญหาที่เกิดขึ้นตรงนี้เป็นการก้าวเดินไปอย่างมั่นคง และมีการปรับโครงสร้าง วิธีคิดทัศนคติ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)สรุปผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และหาทางออกของการแก้ปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม(LPG) ปัญหาสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกระทรวงพลังงานไม่ต้องการเห็นกองทุนฯ ติดลบ หรือ เป็นหนี้เพิ่ม เพราะประชาชนผู้ใช้น้ำมันต้องมาร่วมแบกภาระเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากจำเป็นก็อาจจะต้องปรับขึ้นราคาแอลพีจีก่อนกำหนดเดิมที่จะตรึงราคาไว้ถึงเดือน ส.ค.53


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ