นายโจเซฟ ยัม อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมการเงินในกรุงปักกิ่งวันนี้ว่า สกุลเงินหยวนของจีนจะกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญของระบบการเงินโลก เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกกำลังขาดความเชื่อมั่นต่อ 2 สกุลเงินหลักของโลก คือ ดอลลาร์สหรัฐและยูโร
"ยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงของยุโรปและสหรัฐ รวมทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบการเงิน กำลังทำให้ดอลลาร์และยูโรซึ่งเป็น 2 สกุลเงินเสาหลักของโลกกำลั่งถูกสั่นคลอน ด้วยเหตุนี้เราจำเป็นต้องมีสกุลเงินทางเลือกที่ 3 หรือเสาหลักที่ 3 เข้ามาช่วงรองรับ ซึ่งก็คือสกุลเงินหยวนของจีน" นายยัมกล่าว
ในการประชุมครั้งนี้ นายอู๋ เสี่ยวหลิง อดีตรองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวแสดงความเห็นว่า จีนกำลังสนับสนุนเงินหยวนให้เข้าไปมีบทบาทในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้แสดงความวิตกกังวลว่าความอ่อนแอของสกุลเงินดอลลาร์กำลังส่งผลให้มูลค่าเงินในคลังสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนหดตัวลงด้วย โดยปัจจุบันทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีอยู่ราว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนเตรียมเปิดทางให้บริษัทการเงินต่างชาติเข้าซื้อเงินหยวนได้อย่างอิสระมากขึ้นเพื่อเป้าหมายด้านการค้าและการลงทุน
"จีนจะเปิดตลาดพันธบัตรให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน เพื่อให้พวกเขาสะสมสกุลเงินเงินหยวนและจะทำให้เงินหยวนได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะสกุลเงินหลักน้องใหม่ที่ใช้ในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ จีนจะเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้สกุลเงินหยวนเข้าเทรดในตลาดหุ้นของจีนด้วย" นายอู๋กล่าว
รายงานระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ปีนี้ จีนได้อนุญาติให้บริษัท 365 แห่งในเซี่ยงไฮ้และจังหวัดทางตอนใต้ของมณทลกวางตุ้ง ใช้สกุลเงินหยวนในการค้าข้ามพรมแดนกับฮ่องกงและประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้นำพันธบัตรมูลค่า 6 พันล้านหยวน หรือ 879 ล้านดอลลาร์ออกขายในฮ่องกง เพื่อผลักดันให้สกุลเงินหยวนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมากขึ้น
ทั้งนี้ นายยัมคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ไม่แพ้สหรัฐและยุโรป และคาดว่าเงินหยวนจะได้รับความสนใจในฐานะสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ