นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมนา The New Term Outlook "Thai Economic" ว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 53 เชื่อว่าจะเป็นปีของการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในประชาชนทุกระดับ โดยกระทรวงการคลังพร้อมที่จะผลักดันการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากปัจจุบันที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีที่ดิน ทำให้โครงสร้างของระบบภาษีไม่เป็นธรรม เนื่องจากเป็นการจัดเก็บภาษีจากรายได้ ไม่ใช่การจัดเก็บจากทรัพย์สิน
นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนการสร้างความโปร่งใสด้านการพาณิชย์ เพิ่มการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยพยายามดึงเม็ดเงินลงทุนจากประเทศในอาเซียน ซึ่งมีประชากรกว่า 600 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับไทยที่มีประชากร 60 ล้านคน เพื่อเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
ส่วนกรณีโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ศาลปกครองสั่งระงับ 65 โครงการลงทุน อเป็นกรณีที่ไทยจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม และกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะได้เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว และให้ตรงจุด เพราะยิ่งแก้ปัญหาได้เร็ว ยิ่งเป็นผลดีต่อประเทศ
รมว.คลัง กล่าวว่า ในปี 53 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้นทั้งจากภาคการท่องเที่ยว โดยล่าสุด เดือนพ.ย.52 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ขยายตัวถึง 24% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. อยู่ในระดับเกิน 100 เป็นครั้งแรกในรอบ 42 เดือน ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีของประเทศ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 52 รัฐบาลได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.52 และหลังจากนั้น ได้ออกเป็นมาตรการดูแลเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว และในปี 53 การดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อดูแลเศรษฐกิจยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่มีความชัดเจนแล้ว เช่น โครงการประกันราคาพืชผลการเกษตร ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง และยังคงมีโครงการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อรายย่อย (Micro finance) เพื่อต่อยอดโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
"และในปี 53 คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็ง ถึง 3 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 3.5% ของจีดีพี ส่วนใหญ่จะลงในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ" รมว.คลัง กล่าว