นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า โครงข่ายการพัฒนาทางคู่จะศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบรถไฟทางคู่ เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะที่ 1 จำเป็นต้องระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบการศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบรายละเอียดโครงการต่อไป ซึ่งโครงการรถไฟทางคู่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงกิจการรถไฟ โดยกระทรวงคมนาคมต้องการให้โครงการทางคู่เกิดอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 53
ทั้งนี้ มติครม.เมื่อวันที่ 17 พ.ย.52 เห็นชอบโครงข่ายการพัฒนาทางคู่ ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง ระยะทางรวม767 กม. วงเงิน 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งการก่อสร้างทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางจะส่งผลให้โครงข่ายทางคู่เพิ่มขึ้นเป็น 1,228 กม. ในปี 58 สามารถเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเป็น ปีละ 37 ล้านตันในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนปีละ 12 ล้านตัน
"อยากให้ร่วมมือร่วมใจกันระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ว่าควรลงทุนในลักษณะใด เพราะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จะให้เอกชนหรือให้รัฐลงทุน หากรัฐลงทุนก็ต้องทำใจเรื่องหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มสูงขึ้น หากได้ข้อสรุปที่แน่นอนจะนำเรื่องไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เมื่อมีทางคู่แล้วผมให้การบ้านผู้เกี่ยวข้องไปดูเรื่องความเร็วรถด้วย อย่างน้อยต้องอยู่ที่ 260-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง"นายโสภณ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมระดมความคิดเห็น"เปิดทางคู่สู่อนาคต...รถไฟไทย"
โครงการทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทางในช่วง 5 ปี แรก ประกอบด้วย 1.ลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 113 กิโลเมตร วงเงิน 7,860 ล้านบาท 2.มาบกะเบา-นครราชสีมา(ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 11,640 ล้านบาท 3.ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม.วงเงิน 13,010 ล้านบาท 4.นครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงิน 16,600 ล้านบาท และ 5.ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,000 ล้านบาท