ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งประกาศควบรวมกิจการกัน ขณะที่กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจยุโรปส่งผลให้นักลงทุนเทขายยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับยูโร แตะที่ 1.4282 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4341 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.97% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.300 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0458 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0417 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.57% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6049 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6141 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.98% แตะที่ 0.8819 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8906 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.87% แตะที่ 0.7051 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7113 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จาก FXSolutions กล่าวว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสุขภาพทะยานขึ้นเนื่องจากร่างกฏหมายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจสุขภาพน้อยกว่าที่ประเมินกันไว้ในเบื้องต้น
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวบริษัท ซาโนฟี-เอเวนติส ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการแชทเทม อิงค์ มูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ และข่าวบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ วางแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท เทเร็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งข่าวที่ว่า บริษัท สปายเคอร์ คาร์ส ยอมรับข้อเสนอใหม่ที่จะซื้อกิจการซาบจากเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมทางเศณษฐกิจทั่วประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -0.32 จุดในเดือนพ.ย.จากระดับ -1.02 จุดในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของจีดีพี Q3/2009 และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนพ.ย., มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากตลาดหุ้น ตลาดปริวรรตเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส