นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ให้รับทราบตามรายงานของภาคเอกชนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการชะลอ 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ทั้งในส่วนผลกระทบทางตรง และผลกระทบทางอ้อม รวมทั้งปัญหาการว่างงาน ซึ่งรวมแล้วคิดเป็นมูลค่าราว 6 แสนล้านบาท
สำหรับผลกระทบดังกล่าวตามข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมของภาคเอกชน ประกอบด้วย ผลกระทบทางอ้อม คิดเป็นมูลค่าราว 4 แสนล้านบาท และผลกระทบทางอ้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรวมทั้งการเลิกจ้างแรงงานอีกราว 2 แสนล้านบาท
พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอหลักการ 4 ด้าน เพื่อให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งจะต้องเป็นโครงการลงทุนที่เข้าข่ายใน 4 หลักเกณฑ์นี้ คือ 1. ต้องไม่ใช่โครงการลงทุน 8 ประเภทที่มีความรุนแรง, 2.โครงการที่ไม่มีการผลิตหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งกลุ่มเพื่อลดมลพิษ 3.โครงการลดมลพิษ 4.โครงการที่ได้รับ EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50
รมว.อุตสาหกรรม คาดว่า จะมีโครงการลงทุน 26 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 98,556 ล้านบาท ที่เข้าหลักเกณฑ์เบื้องต้น 4 ข้อ ที่จะทำให้ศาลปกครองพิจารณาอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดต่อไปได้ หลังจากได้รับข้อมูลและเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงโดยละเอียดแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล