นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 53 ธปท.จะมีมาตรการเข้ามาดูแลการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มให้มีความเป็นธรรมและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยจะได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งค่าธรรมเนียมที่บริเวณตู้เอทีเอ็มให้ชัดเจน เช่น การเบิกถอนเงินสดต่างธนาคาร และ การสอบถามยอดเงินในบัญชี เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกรับบริการ และยังเป็นการลดการกระจุกตัวในการวางตำแหน่งตู้เอทีเอ็ม เพราะแต่ละธนาคารต้องการรายได้จากค่าธรรมเนียม
นอกจากยี้ ธปท.ยังจะสนับสนุนให้ประชาชนหันมาชำระเงินด้วยระบบอิเล็คทรอนิคส์มากขึ้น จากปัจจุบันยังมีปริมาณธุรกรรมน้อย โดยเฉพาะการใช้บัตรเดบิต แม้ปัจจุบันมีการใช้บัตรเดบิตถึง 29 ล้านใบ แต่ส่วนนี้ 80% เป็นการใช้เพื่อกดเงินสด มีเพียงแค่ 3% เท่านั้นที่นำไปใช้สำหรับซื้อสินค้า หรือ เฉลี่ยผู้ใช้บัตรเดบิตซื้อสินค้าไม่ถึง 1 ครั้ง/ปี ซึ่งเป็นการใช้บัตรที่ไม่เต็มศักยภาพ
ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ควรกระตุ้นให้ลูกค้าใช้บัตรเดบิตเพื่อชำระสินค้า และ ใช้แทนเงินสดมากขึ้น ไม่ใช่มุ่งแต่จะขยายจำนวนลูกค้าเพียงอย่างเดียว เพราะใช้บัตรเดบิตจะช่วย ลดต้นทุน และ ไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบการ
"เราพบว่าตู้เอทีเอ็มในปัจจุบันมีมากเกินกว่าปริมาณธุรกรรม โดยพบว่ามีตู้เอทีเอ็มถึง 38,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นถึง 19% ขณะที่ปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น 7.5% และ พบมีว่าวางตู้เอทีเอ็มกระจุกตัว เนื่องจากมีการแข่งขันในการหารายได้จากค่าธรรมเนียม" นางธาริษา กล่าว