นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ ได้เห็นชอบการขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการปรับโครงสร้างองค์กรต่อไปอีก 1 ปี จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.52 เป็น 31 ธ.ค.53 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อช่วยสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน
สิทธิประโยชน์ในการปรับโครงสร้างหนี้ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้จากสถาบันการเงิน ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินและสถาบันการเงิน รวมถึงเจ้าหนี้อื่น สำหรับเงินได้ที่ได้จากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือให้บริการ หรือการกระทำตราสารอันเนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้
รวมถึง การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน สำหรับเงินได้ที่ได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ลูกหนี้นำมาจำนองเป็นประกันหนี้ของสถาบันการเงินให้แก่ผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน และสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
ส่วนสิทธิประโยชน์ในการปรับโครงสร้างองค์กรให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์แก่ผู้ประกอบกิจการที่เป็น บริษัทมหาชน หรือบริษัทจำกัด ที่มีความสัมพันธ์กัน สำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิด หรือเนื่องมาจากผู้ประกอบการโอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน
ให้ลดค่าธรรมเนียมการการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01% สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร เฉพาะผู้ประกอบกิจการที่เป็นบริษัทมหาชน หรือบริษัทจำกัดที่โอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน
ทั้งนี้ การขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์การปรับโครงสร้างหนี้ จะช่วยลดภาระภาษี และค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีมูลหนี้ไม่สูงมาก การขยายเวลาให้สิทธิประโยชน์ จะทำให้เอกชนดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ให้แข่งขันได้ โดยที่การขยายการให้สิทธิประโยชน์ครั้งนี้ รัฐบาลสูญเสียรายได้ภาษีอากรและค่าธรรมเนียมไม่มาก
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบมาตรการภาษีใหม่ เป็นมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ โดยผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่ รับคนพิการเข้าทำงาน รวมถึงที่มีการจัดหาสิ่ง อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ สามารถนำค่าใช้จ่ายและค่าจ้างมา หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลได้ 2 เท่าของรายจ่ายจริง
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการออมเพื่อการชราภาพ สำหรับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จากเดิม ที่ผู้ออมเงินใน กบข หรือ RMF ที่เออรี่รีไทม์ ถือว่าพ้นการเป็นสมาชิก จะไม่ได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนดังกล่าว แต่มาตรการใหม่ ให้ครอบคลุมถึงผู้ออมเงินที่เออรี่ รีไทม์ด้วย
และรวมไปถึงกรณีผู้ทีเกษียณอายุ เออรี่รีไทม์ แต่ยังคงรักษาสภาพการเป็นสมาชิกกองทุน ไม่มีการถอนเงินออกจากกองทุน หรือทยอยถอนออกบางส่วน ให้ได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนด้วย