นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลั ง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือน พ.ย.52 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วค่อนข้างมากเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีสุรา เบียร์ และภาษียาสูบ
ในขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเริ่มเร่งตัวขึ้น ภายใต้นโยบายงบประมาณขาดดุลนี้ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 71,973 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 53 (ต.ค.-พ.ย.52) รัฐบาลขาดดุลงบประมาณจำนวน 46,562 ล้านบาท จากการที่มีรายได้ภาษีจำนวน 232,391 ล้านบาท แต่รัฐบาลมีรายจ่าย 278,953 ล้านบาท แต่เมื่อรวมดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล จำนวน 66,666 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลเงินสดรวม 113,228 ล้านบาท แต่รัฐบาลได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุล 31,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 82,228 ล้านบาท
ส่วนเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน พ.ย. 52 มีจำนวนทั้งสิ้น 211,606 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความมั่นคงต่อฐานะการคลัง
"จากผลการจัดเก็บรายได้ที่มีทิศทางดีขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเริ่มเร่งตัวขึ้น จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 52 จะสามารถกลับมาขยายตัว และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง" นายสาธิต กล่าว