วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานบริษัท เบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ ตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท มูดีส์ คอร์ป ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก จำนวน 87,992 หุ้น ในราคาหุ้นละ 26.77 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเป็นการขายหุ้นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมูดีส์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากผลกำไรที่หดตัวลง รวมทั้งการถูกตรวจสอบเรื่องแนวทางการจัดอันดับเครดิต และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นักวิเคราะห์จากสตีเฟล นิโคลัส แอนด์ โค กล่าวว่า ชื่อเสียงของมูดีส์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยล่าสุดแบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศทบทวนกฎข้อบังคับซึ่งปัจจุบันเอื้อประโยชน์ต่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ อาทิ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส, สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) และ ฟิทช์ เรทติ้งส์
ริชาร์ด บลูเมนทัล อัยการรัฐคอนเน็กติกัตระบุว่า มูดีส์, S&P และ ฟิทช์ เรทติ้งส์ มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อทั่วโลกด้วยการให้อันดับเครดิตตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ที่ระดับ AAA เพียงเพื่อที่จะปรับลดอันดับเครดิตตราสารหนี้ในเวลาต่อมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ถูกปรับลดอันดับและสร้างความสับสนให้กับนักลงทุน
ภายใต้ระบบปัจจุบัน บริษัทจัดอันดับเครดิตจะได้รับเงินจากบริษัทต่างๆ เป็นค่าตอบแทนในการช่วยจัดโครงสร้างเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งในเวลาต่อมาบริษัทจัดอันดับเหล่านี้ก็ยังดำเนินการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้อีก ซึ่งนางแมรี ชาปิโร ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ กล่าวว่า ผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นนี้ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นในอันดับความน่าเชื่อถือ และไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตราสารที่ถูกจัดอันดับ
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐยังโจมตีสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนและปิดบังสถานะที่แท้จริงของบริษัทปล่อยกู้จำนอง จนเป็นเหตุให้กิดภาวะผันผวนในตลาดปล่อยกู้จำนองและสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของตราสารหนี้