สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ร่วงหนัก 11% บ่งชี้ตลาดอสังหาฯยังซบเซา

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 24, 2009 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ในเดือนพ.ย.ร่วงหนักเกินคาด 11% ต่อปีแตะที่ 355,000 ยูนิตจากะดับ 400,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยราคาขายบ้านของสหรัฐปรับตัวลดลงราว 2% จากระดับ 221,600 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 217,400 ดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้นราว 4% จากระดับ 209,400 ดอลลาร์ในเดือนต.ค.

รายงานยอดขายบ้านใหม่ที่ซบเซาในเดือนพ.ย.บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรครอบด้าน อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ซบเซาแม้ว่ารัฐบาลจะยืดอายุการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกออกไปเป็นสิ้นดือนเม.ย.ปีหน้า จากเดิมที่กำหนดไว้ที่สิ้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ซื้อบ้านในตลาดจะยังคงทรงตัวต่อเนื่องจนกว่าจะถึงช่วงฤดูใบม้ผลิในปีหน้า

ทั้งนี้ มีเพียงเขตมิดเวสต์ในสหรัฐเท่านั้นที่มียอดขายบ้านขยายตัวแข็งแกร่งในอัตราที่เพิ่มขึ้น 21% ส่วนยอดขายบ้านในพื้นที่ตอนใต้ร่วงลง 21% ส่วนแถบตะวันตกลดลง 9% และตะวันออกเฉียงเหนือขยับลง 3%

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์รายงานว่ามีจำนวนบ้านที่พร้อมขายในตลาดอยู่ 235,000 ยูนิตในสิ้นเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลง 2% จากเดือนต.ค. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2514

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ซื้อบ้านใหม่จะปรับตัวลดลง แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้วบางส่วนเพราะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล หลังจากที่ตลาดเผชิญภาวะตกต่ำหนักสุดในรอบหลายสิบปี โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 7.4% แตะระดับ 6.54 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% และยังเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ