นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ว่า ยอดการใช้จ่ายจะคึกคักมากและมีเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 80,581 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนถึง 5.3% สาเหตุเพราะราคาสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ปริมาณการซื้อใกล้เคียงกับปีก่อน
ทั้งนี้ประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย เนื่องจากยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากนักจากปัญหาการเมืองในประเทศ ปัญหามาบตาพุด และไม่มั่นใจนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็งว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด
"แม้แนวโน้มจีดีพีปีนี้จะติดลบ 3.1% แต่เชื่อว่าช่วงเทศกาลปีใหม่คนจะกล้ากลับมาใช้จ่ายเงิน เพราะได้รับแรงบวกจากเศรษฐกิจไตรมาส 4 ที่คาดฟื้นตัวเป็นบวก 1.5-2% โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวฟื้นตัว ทำให้คนกล้ากลับมาใช้สอยและแบ่งรายได้มาซื้อสินค้าคงทน รถยนต์ คอนโดมีเนียม มอเตอร์ไซค์ รวมถึงท่องเที่ยวเพิ่ม" นายธนวรรธน์ กล่าว
ขณะที่นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เม็ดเงินกว่า 8 หมื่นล้านบาทที่สะพัดในช่วงปีใหม่นั้น แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศ 38,592 ล้านบาท การท่องเที่ยวในต่างประเทศ 17,582 ล้านบาท และใช้กิจกรรมสำหรับปีใหม่ 24,407 ล้านบาท
ส่วนการเดินทางฉลองปีใหม่ ประชาชนกว่า 54.7% มีแผนเดินทางไปจังหวัดอื่นเพื่อฉลองเคาท์ดาวน์ และกลับไปเยี่ยมบ้าน ส่วนอีก 45.3% อยู่ฉลองปีใหม่ในจังหวัดตัวเอง และใช้เงินสำหรับท่องเที่ยวในประเทศเฉลี่ยคนละ 6,658 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 5,736 บาท ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้จะใช่จ่ายเงินมากถึง 46,012 บาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 33,000 บาท และนิยมเดินทางออกต่างประเทศเพิ่มจาก 1.9% เป็น 7.1% โดยมีจุดหมายปลายทาง คือ ยุโรป และเอเชีย
นายธนวรรธน์ ยังคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี 53 ว่า จะขยายตัวเป็นบวกได้ 3.2% เพราะได้รับแรงขับเคลื่อนจากการส่งออก การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น ทำให้ประชาชนภาคเกษตรมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น และคาดว่าปัญหามาบตาพุดน่าจะคลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้ เพราะรัฐบาลจะแยกอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเป็นรายโครงการ เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้คาดว่าไตรมาส 1 ปี 53 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2-3% ไตรมาส 2 โต 3-4% ไตรมาส 3 โต 2.5-3% และไตรมาส 4 โต 3.5-4.5% ส่งผลให้ทั้งปีโต 3.2%