นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปี 2553 ไทยจะมีพื้นที่กรีดยางประมาณ 11.9 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจาก 11.5 ล้านไร่ของปี 2552 หรือ ร้อยละ 4.22 ผลผลิตยางพาราประมาณ 3.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 6.7 เนื่องจากในหลายพื้นที่ที่สามารถเปิดกรีดยางได้ทยอยเปิดกรีดมากขึ้น และมีต้นยางพาราที่อยู่ในช่วงให้ผลผลิตสูงเพิ่มมากขึ้น
"ในปี 2553 ไทยจะมีความต้องการใช้ยางในประเทศ ประมาณ 0.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.37 ล้านตันของปี 2552 หรือร้อยละ 8.11 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอุตสาหกรรมในประเทศเริ่มหันมาลงทุนเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้าหลังจากเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤตการณ์การเงินในปี 2552"นายศุภชัย กล่าว
ขณะที่การส่งออก คาดว่าไทยจะส่งออกได้ประมาณ 2.85 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 2.7 ล้านตันของปี 2552 หรือร้อยละ 5.5 ทั้งนี้เนื่องจากจีนมีการนำเข้ายางพาราจากไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรูปยางคอมปาวด์ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 ต่อปี
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ยางพาราโลกในปี 2553 คาดว่าทั่วโลกจะมีพื้นที่ปลูกยางพาราเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 3 ขณะที่ผลผลิตยางพาราจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เนื่องจากราคายางพารามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศผู้ผลิตต่างเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น ประกอบกับประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหม่ อาทิ กัมพูชา ลาว พม่า เริ่มทยอยเปิดกรีดยางได้เพิ่มขึ้น
ในส่วนความต้องการใช้ยางพาราของโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี โดยประเทศที่มีการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ จีน อินเดียและเกาหลีใต้ เป็นต้น สำหรับราคายางพาราในตลาดโลกคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการใช้ยางพาราโลกที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณการผลิตโลกจะเพิ่มขึ้นก็ตาม