บริษัท สเปนดิงพัลส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านธุรกิจค้าปลีกในเครือมาสเตอร์การ์ด แอดไวเซอร์ส เปิดเผยว่า บริษัทค้าปลีกในสหรัฐทำยอดขายพุ่งขึ้น 3.6% ในช่วงวันหยุดระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 24 ธ.ค. 2552 ขณะที่ยอดสั่งซื้อของขวัญทางออนไลน์ และยอดขายอัญมณีและสินค้าแบรนด์ดังหรูหรา ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อมูลของสเปนดิงพัลส์สอดคล้องกับที่สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องในวัน Thanksgiving หรือ วันขอบคุณพระเจ้า ในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากห้างค้าปลีกปรับลดราคาสินค้าซึ่งช่วยดึงดูดประชาชนให้ซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก
นักวิเคราะห์ของสเปนดิงพัลส์กล่าวว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า รายได้ของบริษัทค้าปลีกมีแนวโน้มทะยานขึ้นในช่วงเดือนธ.ค.จนถึงวันที่ 2 ม.ค.ปีหน้า โดยผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นที่จะออกไปจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทค้าปลีกในสหรัฐยังได้ประโยชน์จากวันจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นเป็น 28 วันในระหว่างเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าและคริสต์มาสปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 27 วัน
ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์ ร่วมกับ International Council of Shopping Centers (ICSC) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ซึ่งเป็นสถิติเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 15 สัปดาห์ เนื่องจากหิมะที่ตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้ร้านค้าจำนวนมากในสหรัฐต้องปิดทำการ และยังเป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้าน
ทั้งนี้ ICSC จะเปิดเผยยอดขายของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐในระหว่างวันที่ 2 ม.ค. - 7 ม.ค. ในวันพรุ่งนี้