ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4355 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4382 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.000 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.590 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0365 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0341 ฟรังค์/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5896 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6000 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.77% แตะที่ 0.8942 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.8872 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.37% แตะที่ 0.7179 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7082 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.9 จุด จากเดือนพ.ย.ที่ 49.5 จุด และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส-ชิลเลอร์ เปิดเผยราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐดีดขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 7.2%
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 3.5% ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นสถิติที่ขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย ขณะเดียวกันคาดว่าภาคเอกชนของสหรัฐจะเพิ่มอัตราการลงทุนและการจ้างงาน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและรายได้ส่วนบุคคล จะช่วยกระตุ้นชาวอเมริกันให้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น และจะช่วยให้ภาคเอกชนเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าเข้าสู่สต็อกเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในปีหน้า
สถาบันเศรษฐกิจ ZEW ของเยอรมนี คาดการณ์ว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2553 โดยคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะยืนอยู่ที่ระดับ 1.47 ยูโร/ดอลลาร์