นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก.จัดทำปฏิทินผลผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญรายเดือนปีเพาะปลูก 2552/53 ซึ่งมีการจัดทำปฏิทินเป็นประจำทุกปี รวมพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ 21 ชนิด เพื่อให้ทราบช่วงเดือนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิต และช่วงเดือนที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากของพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อนำข้อมูลมาใช้กำหนดเป็นนโยบายในการส่งเสริมให้มีการบริโภคสินค้าเกษตร หรือ ช่วยเหลือเกษตรกร
โดยจะมีเฉพาะพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ข้าวนาปี ซึ่งจะเริ่มมีผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนสิงหาคมแต่จะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ข้าวนาปรังหรือข้าวรอบที่ 2 จะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตมากที่สุดในเดือนกันยายน-พฤศจิกายน มันสำปะหลังโรงงานจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
ขณะที่ผลไม้อย่างลำไยจะมีการเก็บเกี่ยวมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทุเรียนช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับมังคุด ด้านเงาะจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม สำหรับผู้ที่ชอบบริโภคลิ้นจี่จะมีผลผลิตมากที่สุดช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ในขณะที่ลองกอง จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมาที่สุดช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
นอกจากนี้ ปฏิทินผลผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญรายเดือน ปีเพาะปลูก 2552/53 จะมีการประมาณการผลผลิต พืชเศรษฐกิจที่สำคัญในปี 2553 ด้วย เช่น ข้าวนาปี จำนวน 23,563,791 ตัน ข้าวนาปรัง จำนวน 8,305,350 ตัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 4,233,095 ตัน มันสำปะหลังโรงงาน จำนวน 29,470,590 ตัน ยางพารา จำนวน 3,342,770 ตัน ปาล์มน้ำมันจำนวน 10,283,786 ตัน
ในขณะที่ผลไม้มีการประมาณการผลผลิต ดังนี้ ลำไย จำนวน 549,422 ตัน ทุเรียน จำนวน 632,459 ตัน เป็นต้น